“ภูมิธรรม” แจงหัวใจสำคัญ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รัฐบาลหวังดึงธุรกิจใต้ดินขึ้นมาควบคุม เก็บภาษีใช้ประโยชน์กับประเทศ ย้ำ กาสิโนเป็นแค่ส่วนน้อย มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว
วันที่ 19 มกราคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นร้อนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. หรือ ร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการ และดูเหมือนเสียงคัดค้านทัดทานน้อยลง ว่า เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มันไม่ใช่เรื่องที่ไปคิดกันเชื่อกันว่ามันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ คือมันเริ่มต้นจากการไปมองเรื่องของการพนัน เลยรู้สึกว่าสังคมเรามันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องเข้าใจว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่เราทำขึ้นมา หัวใจสำคัญมันก็คือ
1. เราพยายามจะดึงเงินนอกระบบ และกิจการนอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบ เพื่อให้เราสามารถดูแลควบคุมได้ดีที่สุด
2. เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในความหมายทั่วไปในสังคมโลก เป็นเรื่องที่จะทำแหล่งท่องเที่ยวเป็น Man-made Destination คือเราสร้างขึ้นมา เพราะฉะนั้นในบางส่วนหรือที่อยู่ต่างๆ จะพบว่าการทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ทำเป็นที่ให้คุณมาได้พักผ่อน ได้มาพบปะอะไรต่างๆ เพราะฉะนั้นมันมีแหล่งท่องเที่ยว มีแหล่งที่เป็นเอ็นเตอร์เทนต่างๆ เป็นหนัง เป็นช้อปปิ้ง อะไรต่างๆ นานา คอนเซ็ปต์มันกว้างกว่านั้นเยอะ แต่ส่วนที่อาจมีกาสิโนมันเป็นส่วนเล็กนิดเดียว และเราก็พยายามจะเอาคอนเซ็ปต์นี้มาดึงเอาธุรกิจที่อยู่ใต้ดินทั้งหมดขึ้นมา เพราะธุรกิจใต้ดินมาทุกวันนี้วงเงินมันสูงมาก ถ้าสมมติสามารถเอาขึ้นบนดินได้ มันก็จะเป็นประโยชน์
…
เอาของใต้ดินขึ้นมาบนดิน บริหารจัดการได้ง่ายกว่า
นายภูมิธรรม กล่าวต่อโดยยกตัวอย่างเช่นที่เราเคยทำในเรื่องกองสลาก มาช่วยเป็นทุนการศึกษาให้เด็กต่างจังหวัด เช่น 1 อำเภอ 1 ทุน คือเด็กที่เรียนดี มีโอกาสน้อย เขาจะได้รับโอกาสในการได้เพิ่มเติมความรู้ ซึ่งผลที่เคยตามมาแล้วเราเคยประเมินแล้วเนี่ย ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งตนเองเคยเจอคนที่ได้รับทุนโอดอส (ODOS) (โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน) ตอนนี้ไปกลับมาจากต่างประเทศหลายๆ ประเทศที่เขาไป เสียดายว่ามันถูกตัดตอนหยุดไป บางคนตอนนี้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ซึ่งเขาอยู่ในบ้านเดิมก็ยังไม่มีโอกาสเหล่านี้เลย จะเป็นลูกชาวนาปกติธรรมดา อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ดีอันหนึ่ง
“เพราะฉะนั้นผมคิดว่าวันนี้ต้องเปลี่ยนการมองมุมมองใหม่ในการมองเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ วันนี้คือกระบวนการในการที่จะเอาของใต้ดินมาดูบนดินเพื่อให้เราควบคุมได้ ทำให้มันเกิดสิ่งที่ถูกต้องได้มากกว่า แล้วผลรายได้จากนั้นเอามาใช้สร้างเพื่อเป็นภาษีอากรของประชาชน เอามาคืนให้ประชาชนในการทำงานต่างๆ แหล่งท่องเที่ยวเยอะในการที่จะเกิดขึ้นมาของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ส่วนเรื่องของการพนันเป็นส่วนนิดเดียว เพียงแต่ว่าข้อดีมันคือเอาของใต้ดินขึ้นมาบนดิน แล้วเราบริหารจัดการได้ง่ายกว่า รัฐบาลนี้ก็เราไปสำรวจความต้องการของประชาชน ความเห็นประชาชน ผมจำตัวเลขไม่ได้ 60-80% มั้งที่เขาไม่คัดค้านก็อยากเห็น เพราะฉะนั้นถ้าเป็นอย่างนี้ เราคิดว่ามันอยู่ที่วัตถุประสงค์ออกมาแล้วทำอะไร ก็ทำในสิ่งที่ดีได้ ผมว่าคนไม่ขัด จริงๆ ในทัศนคติของคนวันนี้เขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไรนะ เท่าที่ดูก็การพนันนี่ก็เต็มไปหมด ไม่ได้ว่าจะเชียร์ให้มีการพนัน คนมันก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว เพียงแต่เรากำลังจะทำให้มันอยู่เข้าที่เข้าทาง”
สร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนประเด็นที่นักวิชาการเป็นห่วงว่าเรื่องเศรษฐกิจกับทางผลกระทบทางสังคมมันต้องมีกติกาสมดุลกัน อีกฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็กลัวว่าถ้ากติกามันไม่เข้มข้น อาจเป็นแหล่งฟอกเงินของอาชญากรนั้น นายภูมิธรรม ตอบว่า สิ่งที่พูดทุกวันนี้เขามีช่องทางทำอะไรมากอยู่แล้ว อันนี้เป็นด้านลบ ซึ่งอาจจะคิดได้หรืออาจจะไม่ได้เป็นอะไร ที่เป็นปัญหามากขึ้นกว่าเดิม แต่ตนอยากให้มองในมุมมองสิ่งที่ดีๆ คือเราคาดการณ์เรื่องร้ายๆ ได้ เกิดจริงหรือเปล่ายังไม่รู้ เพียงแต่เป็นการบอกให้เราเอาใจใส่ดูแลในปัญหาเหล่านี้ เพื่อแก้ให้มันได้ดีที่สุด คิดว่าลองให้ทำดู ถ้ามันมีปัญหาก็เลิกได้ เพราะคิดว่าเรายังไม่เคยลองเลย เรามีแต่กลัว ฉะนั้น บางอย่างต้องดูว่ามันโลกเปลี่ยนแปลง เรื่องนี้ในสังคมโลกที่เขาทำอยู่ เขาไม่มีปัญหาอะไร ดีเสียอีกที่อยู่ในการควบคุมของรัฐ ที่จะเข้ามาดูแลถูกระเบียบมากขึ้น เหมาะสมมากขึ้น
ทั้งนี้ อย่าไปมองว่าถ้าอะไรที่รัฐจะทำเป็นเรื่องของหาประโยชน์ เรื่องของการทำลายจริยธรรมในสังคม ไม่ใช่เรื่องนี้ มันเป็นเรื่องของควบคุมทุกอย่างที่อยู่ใต้ดินมาอยู่บนดินให้เราเห็น แล้วก็ใช้มันเป็นการตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ ใช้เป็นตัวในการที่จะสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เราคุมได้อยู่แล้ว ถ้ากลัวเด็กมีปัญหา เรื่องควบคุมอายุที่จะต้องเข้ามาในส่วนต่างๆ หรือมันมีกลไก ตนว่าต้องคิดว่าถ้ามันเป็นประโยชน์ด้วย มีมุมมองที่น่ากังวลด้วย ก็ไปดูว่าจะแก้ปัญหาด้านน่ากังวลอย่างไร ทำให้มันสมบูรณ์มากขึ้น แล้วก็ตรวจสอบได้ ถึงเวลาแล้วมันทำได้ดีหรือไม่ดี ถ้ามันไม่ดีจริงก็ยังวิพากษ์วิจารณ์ได้ ยังปรับกันได้ หรือถึงที่สุดพบว่ามันเลวร้ายมาก ก็ยกเลิกได้ ไม่มีปัญหาอะไร
“วันนี้มันต้องให้ความเห็นทุกฝ่ายได้รับการพิจารณา ผมคิดว่าวันนี้เราไม่ควรมองอะไรที่มันขาว-ดำจนเกินไป หรือมองอะไรที่มีถูกมีผิดอย่างเดียว จริงๆ มันมีมุมของมันในหลายๆ ด้าน ต้องมองให้ครบถ้วน แกนนำพรรคเพื่อไทย คุยกับพรรคร่วมโดยเฉพาะใน ครม. เรียบร้อยแบบไม่มีเสียงที่คัดค้าน รัฐบาลเพื่อไทยมั่นใจว่าจะสามารถชี้แจงผ่านฝ่ายนิติบัญญัติได้ที่กฎหมายกำลังจะเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร กับวุฒิสภา มั่นใจ เพราะว่าเราทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ แล้วสิ่งที่เรากำลังทำไม่ได้มีอะไรเสียหาย เพราะว่าเราก็ทำในวัตถุประสงค์ที่จะให้ประโยชน์กับส่วนรวม ส่วนข้อกังวลใจเราก็รับฟังมา แล้วก็พยายามที่จะปรับให้มันสอดรับกัน”
ฟังทุกด้านครบถ้วนที่สุด แล้วตัดสินใจในฐานะรัฐบาล
นายภูมิธรรม กล่าวต่อไป จะเห็นว่าในปัจจุบันสิ่งที่รัฐบาลผสมชุดนี้จะดำเนินการ มีเสียงทักท้วงต่างๆ มากมาย เราไม่ได้ปฏิเสธเสียงนั้น เราพยายามจะทำความเข้าใจ แต่หลายอย่างเราก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์ เราก็พยายามจะทำจนถึงจุดที่คิดว่าพอเพียงในการทำความเข้าใจแล้ว ก็ตัดสินใจที่จะทำ เพราะฉะนั้นในฐานะที่เราได้รับฉันทามติจากประชาชน เราก็เสนอหลายๆ อย่าง แล้วมันผ่านมาแล้วมา ก็ต้องให้โอกาสเราทำ ถ้าทำแล้วมีปัญหาก็วิพากษ์วิจารณ์ได้ เสนอได้ว่าควรปรับเปลี่ยนอย่างไร แต่ไม่ใช่ว่าอะไรที่ไม่เห็นด้วยกับเราคือผิด ไม่ใช่ เขาไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลก็ไม่ได้หมายความว่าเขาผิด แต่หมายความว่าโอเคเราอาจจะชี้แจงได้ไม่ชัดเจน เราควรจะชี้แจงให้ชัดเจนมากขึ้น หรือมุมมองมันยังต่างกัน อาจจะต้องใช้เวลาในการปรับจูนมุมมองให้มันใกล้เคียงกัน และในโลกนี้ไม่มีอะไรเห็นเหมือนกัน 100% ไม่มีอะไรเห็นเหมือนกันโดยไม่มีข้อสงสัยหรือไม่มีข้อปฏิเสธ ทุกอย่างมีบวก มีลบ มีมุมมองที่มันถูกต้องในแต่ละด้าน อยู่ที่ความเชื่อของแต่ละคน ฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดก็คือการฟังทุกด้านให้ครบถ้วนที่สุด แล้วตัดสินใจในฐานะเราเป็นรัฐบาล เราก็ต้องตัดสินใจ
ขณะที่คำถามว่าดูตามไทม์ไลน์แล้วคงประมาณกลางปี 2568 น่าจะเห็นโฉมหน้าของกฎหมายฉบับนี้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุ คิดว่าเป็นไปได้ แต่อยู่ที่กระบวนการทั้งหมด ถ้ามันมีเสียงเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย หรืออะไรอย่างนี้ มันก็ช้าได้ เหมือนอย่างดิจิทัลวอลเล็ต เราก็คิดว่าเรามีแนวคิดในการซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจแบบหนึ่ง ซึ่งไม่ค่อยเหมือนกับใคร มันก็พิสูจน์มาได้ว่ามีปัญหา ไม่มีปัญหา อย่างเราคิดเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค เราคิดเรื่องกองทุนหมู่บ้าน เราคิดเรื่องก็มีแรงต้าน แล้วแต่ว่าเราก็ใช้เวลา แล้วก็พยายามทำมันขึ้นมาให้เห็นผล อย่าง 30 บาทรักษาทุกโรคก็ดี เรื่องกองทุนหมู่บ้านละล้านก็ดี หรือเรื่องพักหนี้ เรื่องอะไรที่มีผลออกมา จนกระทั่งระยะหลังๆ เป็นที่ยอมรับกันได้มากขึ้น เรามีหน้าที่ต้องทำความเข้าใจในปรัชญาของงานที่เราจะทำ แล้วก็พยายามชี้ให้เขาเห็นผลสำเร็จที่จะเกิดขึ้น เราต้องทำหน้าที่นี่แหละ และเมื่อถึงจุดหนึ่งเราคิดว่าพอเพียง เราต้องเดินหน้า
พร้อมกันนี้ นายภูมิธรรม ยังกล่าวยอมรับด้วยว่า นโยบายนี้จะเป็นนโยบายเรือธงอันหนึ่งที่หวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวด้วย.