นนทบุรี “คริส หอวัง” นำหลักฐานเข้าแจ้งความตำรวจไซเบอร์ ถูกนำภาพและคลิปไปสร้างข่าวปลอม ถูกตำรวจจับกุม ร่ำรวยผิดปกติ ก่อนแปะลิงก์เว็บไซต์หลอกลงทุน รรท.ผบก.สอท.1 ยันมีร่องรอยคนร้าย แม้จะปิดเว็บไซต์ไปแล้วก็ตาม
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 มกราคม 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.ศิริน หรือคริส หอวัง อายุ 44 ปี นักแสดงสาวชื่อดัง นำหลักฐานเข้าพบ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิงพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รรท.ผบก.สอท.1 เพื่อร้องทุกข์เอาผิดคนร้าย หลังถูกนำภาพและคลิปไปสร้างข่าวปลอม ก่อนแปะลิงก์เว็บไซต์หลอกลงทุน ทำให้เกิดความเสียหาย
คริส หอวัง เผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่านมา ตนทราบเรื่องจากเพื่อนของแม่ที่เห็นข่าวซึ่งระบุว่า ตนถูกตำรวจไทยจับกุม เนื่องจากรับไม่ได้กับการร่ำรวยผิดปกติซึ่งตนได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์ที่มี “มดดำ คชาภา” เป็นผู้สัมภาษณ์และพูดคุยเกี่ยวกับรายได้ว่าแต่ละวัน ตนหาเงินได้วันละ 70,000 – 100,000 บาท แต่ลงทุนเพียง 9,000 บาท หากอยากรู้ว่ารวยได้อย่างไรให้คลิกลิงก์ ชื่อไฟแนนซ์รีเจ้นท์ ที่แนบอยู่ด้านล่าง ระบุเนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษ สื่อถึงให้คนเข้าใจว่าตนได้รับผลประโยชน์จนร่ำรวยจากการลงทุนกับทางไฟแนนซ์รีเจ้นท์พร้อมนำรูปภาพประกอบที่ตนกำลังถูกตำรวจควบคุมตัว เนื่องจากการลงทุนนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย
…
ซึ่งตอนแรกยอมรับว่าไม่ได้ตกใจอะไรมาก แต่คิดว่าหากไม่ออกมาพูดหรือแจ้งความ อาจมีคนอื่นๆ โดนหลอกได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการยิงแอดในต่างประเทศและเนื้อหาของข่าวมีการใช้ภาษาอังกฤษ โดยเบื้องต้นได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ มามอบให้ตำรวจไซเบอร์หมดแล้ว ส่วนจะมีใครถูกหลอกดูดเงินไปแล้วหรือไม่ ตนไม่ทราบเพียงแต่มาแจ้งความให้ทุกคนที่เห็นข่าวปลอมทราบและอยากฝากให้ช่วยกันรีพอร์ตเพราะส่วนตัวรู้สึกเสียใจหากมีการใช้ชื่อและหน้าของตนไปหลอกจนมีผู้ได้รับความเสียหาย สำหรับเว็บไซต์ข่าวปลอมดังกล่าวเมื่อกดไปดูจะเจอกับเนื้อหาข่าวและมีการแปะลิงก์ไว้ด้านล่าง ที่ผ่านมาเคยมีดาราถูกเฟกนิวส์แต่ไม่ได้รุนแรงเท่าครั้งนี้ที่มิจฉาชีพสร้างเรื่องเพื่อหวังหลอกเอาเงิน
ด้าน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ กล่าวว่า สำหรับในกรณีเคสของ คริส หอวัง เป็นเว็บไซต์ที่สร้างข่าวปลอมขึ้น โดยมีการแปะลิงก์ชักชวนบุคคลทั่วไปให้เข้าร่วมลงทุน จากการตรวจสอบพบว่าลิงก์ดังกล่าว เบื้องต้นเป็นลิงก์ของมิจฉาชีพที่ขอให้ร่วมลงทุน โดยมีการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา แต่ล่าสุดปิดเว็บไซต์ไปแล้ว อย่างไรก็ตามยังมีร่องรอยที่สามารถแกะรอยตามหาผู้กระทำความผิดได้ หลังจากนี้ตำรวจ บก.สอท.1 จะเร่งตรวจสอบเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป