ชลบุรี ตำรวจเร่งไขปมงัดตู้เซฟ กวาดนาฬิกาหรูมูลค่า 100 ล้าน พบข้อมูลเบื้องต้น ตู้เซฟใบใหญ่ถูกนำมาวางไว้ในบ้านนานกว่า 8 ปีแล้ว ส่วนมูลค่าทรัพย์สินที่หายไป ยังไม่แน่ชัด เพราะทางผู้เสียหายหรือเจ้าของบ้านตัวจริง ไม่มีการมาแสดงหลักฐานยืนยัน
จากกรณีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ก่อเหตุงัดบ้านนักธุรกิจชาวจีน (ทำบริษัททัวร์ในประเทศไทย) เลขที่ 189/113 ภายในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง หมู่ 11 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แล้วขึ้นไปงัดตู้เซฟใบขนาดใหญ่ ในห้องพักชั้น 2 ก่อนจะกวาดทรัพย์สิน – นาฬิกาข้อมือราคาแพง รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าทางคดี เมื่อ 12.00 น. วันที่ 17 มกราคม 2568 พ.ต.อ.อรรถพล อิทธโยภาสกุล ผกก.สภ.ห้วยใหญ่, พ.ต.ท.พรพรหม ม่วงบังยุง รอง ผกก.สส., พ.ต.ท.นิติภูมิ บุตรวงศ์ รอง ผกก.(สอบสวน) พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.ห้วยใหญ่ ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน 2 ชลบุรี (พฐ.) เดินทางลงพื้นที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อหาร่องรอยเบาะแสของคนร้าย รวมถึงการตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง ภายในห้องพักที่เกิดเหตุ รวมถึงมีการตรวจสอบบริเวณรอบด้านของบ้านที่เกิดเหตุ โดยด้านหลังบ้านเป็นกำแพง โดยด้านหลังกำแพงเป็นไร่มันสำปะหลัง
…
เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน มีการตรวจสอบตู้เซฟอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งลักษณะของตู้เซฟใบดังกล่าว มีขนาดความกว้าง 1 เมตร สูง 1.50 เมตร น้ำหนักรวม 250 กิโลกรัม โดยด้านขอบตู้เซฟทั้ง 4 ด้าน ถูกหล่อด้วยปูน และหุ้มด้วยเหล็กอย่างหนา ตัวบานประตูเซฟถูกงัดด้วยชะแลงเหล็กจนพังเสียหาย และมีเศษปูนแตกกระเด็นกระจัดกระจาย และคราบฝุ่นจากปูนเต็มไปทั่วบริเวณ ส่วนกล่องใส่นาฬิกาข้อมือเป็นลักษณะกล่องไม้ สามารถใส่นาฬิกาได้ถึง 10 เรือน วางอยู่เรียงรายจำนวน 8 กล่อง และยังพบกล่องนาฬิกาข้อมือยี่ห้อโรเล็กซ์ จำนวน 1 กล่อง แต่เป็นเพียงแค่กล่องเปล่า ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ขณะที่พนักงานสอบสวน เร่งสอบปากคำนายหยูเฉา เชา (Mr. Youchao Cho) อายุ 43 ปี ชาวจีน ซึ่งพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นเพื่อนกับเจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นชาวจีนเหมือนกัน ให้มาพักอาศัยบ้านหลังดังกล่าว และคอยดูแลบ้านให้ แต่ล่าสุดจากการสอบปากคำนายหยูเฉา เชา ให้การกับตำรวจว่า ได้มาอยู่บ้านหลังดังกล่าวได้ประมาณ 4 เดือน โดยก่อนหน้านี้พยายามหาบ้านเช่าในประเทศไทย แต่เพื่อนได้แนะนำให้มาอยู่บ้านหลังดังกล่าว พร้อมทั้งให้ช่วยดูแลบ้าน ส่วนเจ้าของบ้านตัวจริงอยู่ประเทศจีน โดยเจ้าตัวยังคงยืนยันว่าเป็นเพียงผู้พักอาศัยอยู่ภายในบ้าน แต่ไม่รู้ว่าภายในตู้เซฟมีทรัพย์สินอะไรอยู่บ้าง และยังคงยืนยันในความบริสุทธิ์ใจว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ตำรวจมีการตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว พบว่ามีชาวจีนและคนไทยร่วมซื้อบ้านหลังดังกล่าว โดยชาวจีนซึ่งทราบชื่อเพียงว่า “นาย หวัง เหลียง เฉิน” ได้นำตู้เซฟใบดังกล่าวมาวางไว้ในห้องพักเมื่อ 8 ปีก่อน ซึ่งในขณะนั้น นาย หวัง เหลียง เฉิน ได้ร่วมกับคนไทยเปิดบริษัททัวร์ในประเทศไทย แต่พอเดินทางกลับไปประเทศจีน ก็ถูกดำเนินคดี ไม่สามารถเดินทางกลับมาประเทศไทย นานกว่า 8 ปีแล้ว
…
ด้านทรัพย์สินที่หายมีการกล่าวอ้างว่า มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นนาฬิกาข้อมือหรูมีราคาแพง ในขณะนี้ตำรวจไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะทางผู้เสียหายหรือเจ้าของตัวจริง ยังไม่มีการมาแสดงหลักฐานยืนยัน แต่ในขณะนี้ตำรวจอยู่ในระหว่างการตรวจสอบและแกะรอยจากกล้องวงจรปิด เพื่อหาจุดเชื่อมโยงคนร้ายเข้ามาลงมือก่อเหตุในช่วงเวลาใด และเชื่อว่าคนร้ายเจาะจงเข้ามางัดตู้เซฟโดยเฉพาะ โดยคิดว่าภายในตู้เซฟต้องมีทรัพย์สินอะไรบางอย่างอยู่